คนทั้งหลายรู้ธรรมทั้งหลายแล้วไม่พ้นทุกข์


คนทั้งหลายรู้ธรรมทั้งหลายแล้วไม่พ้นทุกข์ 
ทั้งกลับเป็นเสี้ยนหนามยอกแทงตน
และผู้อื่นเข้าด้วยซ้ำ 
แต่ “พระพุทธเจ้า” แล “สาวก” 
รู้ธรรมแล้วพ้นทุกข์ไปเลย 
พร้อมๆ กับความรู้ธรรมเกิดขึ้น 
เพราะเหตุใดระหว่างคนทั้งสองสามจำพวกนี้จึงต่างกันเล่า
ก็เพราะความรู้เกิดจากปัจจุบันจิต 
อันกลายเป็นปัญญาไปในตัว 
กับความรู้คาดคะเน (สัญญา) 
มันต่างกันราวฟ้ากับแผ่นดินนั่นเอง 
เหตุที่ความรู้ที่เป็นปัจจุบันจิตจะเกิดได้ 
ก็ต้องพิจารณาปัจจุบันธรรมคือกายกับจิตนี้เอง 
เพราะกาย-จิต เป็นสถานที่สั่งสมกิเลส
และเป็นสถานที่ถอดถอนกิเลสแลกองทุกข์ทั้งมวล 
ฉะนั้น เราควรตั้งจิตไว้โดยทำนองที่ว่า
ให้จิตอยู่กับกายจิตจริงๆ จนเรียกปัจจุบันได้เต็มที่ 
แล้วกระแสของปัจจุบันจิตจะกระจายแสงสว่าง 
คือ ปัญญาออกตามอาการของกายแลอาการของจิตโดยรอบคอบ 
จากนั้นก็จะได้เห็นทุกสิ่งทั้งที่เป็นคุณเป็นโทษ 
ปรากฏด้วยปัญญาอันชอบแท้ 
ตลอดกลางวัน กลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน 
จะเรียกว่าฟังธรรมทุกเวลาก็ได้

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

Image by geralt from Pixabay

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา