ถึงเวลาสติปัญญาเกิด มันก็จะเกิดเอง



...ดูไป พิจารณาไป  
ถึงเวลาสติปัญญาเกิด มันก็จะเกิดเองหรอก 
ค่อยๆ ทำไป อย่าไปมั่นไปหมาย  
ไปคาด ไปเดา ไปปรุง ไปแต่ง 
การคาด การหมาย การปรุง การแต่ง 
คาดเดานั้น เป็นต้นเหตุของภพชาติ
ไม่จบไม่สิ้น  ให้ทำของเราไปเฉยๆ 
นั่นล่ะ ถึงเวลาของมัน มันจะเกิดเองหรอก 
ไม่ต้องห่วง ! 

หลวงปู่เพียร วิริโย

พระพุทธเจ้าท่านสอนพวกเราให้ภาวนาง่ายๆ



         การภาวนานี้เป็นเครื่องชำระความหลงความมืดออกจากใจของเรา ไม่ให้ใจของเราเพลิดเพลินเตร็ดเตร่ลุ่มหลงไปตามอารมณ์ต่างๆ ไม่ให้ลุ่มหลงอยู่ในโลกอันนี้ ไม่ให้ลุ่มหลงอยู่ในอัตภาพร่างกายอันนี้รูปอันนี้ พระพุทธเจ้าท่านสอนพวกเราให้ภาวนาง่ายๆ ไม่ต้องไปศึกษาเล่าเรียนให้มากลำบากอะไร ท่านสอนง่ายๆ

                                                                                              หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ

ภาวนาโดยปราศจาก “สัมปชัญญะ”...



          ...หากเราปฏิบัติภาวนาโดยปราศจาก “สัมปชัญญะ” หรือไม่ตระหนักรู้ถึงการเกิดดับของเวทนาด้วยประสบการณ์ของตัวเราเอง ก็เท่ากับเรามิได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์...

                                                                                                  ท่านอาจารย์โกเอ็นก้า

ใจมีรักมีโกรธย่อมทุกข์




ความรักก็ดี ความโกรธก็ดี
ล้วนแต่เป็นกิเลส ไม่ใช่จิตที่บริสุทธิ์
ไม่ใช่จิตที่จะนำสุขมาให้ 
ถ้าใจมีรักมีโกรธเมื่อไร 
ใจก็ยังได้รับความทุกข์อยู่เมื่อนั้น


พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร

ยินดีและยินร้ายเป็นปฏิปักษ์ต่อใจ



          การรักษาจิตใจของตนไว้ได้นั้น ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลรักษาโลกทั้งโลกไว้แล้ว การที่เราจะรักษาจิตใจของเรานั้น จำเป็นที่จะต้องรู้พิษภัยโทษของสิ่งที่เป็นปรปักษ์กับจิตกับใจของเรา...ก็คือความยินดีและความยินร้าย ความยินดีฟังแล้วดูเหมือนว่าไม่เห็นว่าเป็นปรปักษ์แก่จิตแก่ใจของเราเลย ความยินร้ายต่างหากที่เป็นปรปักษ์...ตามความจริงแล้ว ทั้งความยินดีและความยินร้าย ก็มีราคาพอกัน เป็นปรปักษ์แก่จิตแก่ใจของเราเช่นกัน เพราะทำให้จิตใจของเรา มีความกระเพื่อมจากความมั่นคง...กวัดแกว่ง รวนเร ไม่มีหลักไม่มีฐาน จิตไม่มีที่ตั้งมั่น…

                                                                                               ครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน

มีความรู้สึกตัว มีสติ พ้นหลง พ้นทุกข์



มีความรู้สึกตัว มีสติ
เป็นธรรมที่เป็นเครื่องมือ 
เปลี่ยนหลง เป็นไม่หลง
เปลี่ยนทุกข์ เป็นไม่ทุกข์
ถ้าไม่มีสติ หลงไปจนตาย 
ทุกข์ไปจนตาย 
ถ้ามีสติดูแลกายใจ
ความหลง ความทุกข์ 
อาจเป็นครั้งสุดท้ายได้

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ

ความรู้สึกตัวเป็นมรรคผล



          การที่เราอยู่กับความรู้สึกตัวเฉยๆ นี้ มันจะเป็นมรรคและผลในตัวมันเอง เป็นหนทางไป เป็นวิหารธรรม ในขณะที่เรารู้สึกตัว มันก็บริสุทธิ์ไปแล้ว มันไม่มีกิเลส ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ มันมีแต่รู้สึกตัว ไม่มีอะไร . . .

                                                                                        พระอาจารย์ครรชิต อกิญจโน

สติตั้งมั่นปัจจุบัน จิตจะแยกจากอารมณ์



          เมื่อเรามีสติมีสมาธิตั้งมั่นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นสัมผัสรส กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง ความรู้สึกจะเกิดขึ้นที่ใจของเรา คือความพอใจ ความไม่พอใจ หรือความเฉยๆ เราจะมีสติมีปัญญาเห็นอาการของจิตซึ่งเกิดขึ้นที่ใจ... จิตของเราจะแยกจากอารมณ์โดยธรรมชาติ... จะเห็นอาการของจิต เห็นอาการของอารมณ์ มีความเกิดขึ้นแล้วก็มีความดับไปเป็นธรรมดา...

                                                                                    พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตโต

ต้องการสุข ย่อมได้รับทุกข์




ถ้าจิตยังมีความต้องการความสุขของโลกอยู่ 
จิตก็จะได้รับอารมณ์ของทุกขเวทนาตลอดไป 
จึงให้ใช้ปัญญาเพิกถอนอารมณ์ทั้งสองนี้ออกจากใจ 
จึงจะได้พบกระแสธรรมอย่างแท้จริง

หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ

กำหนดรู้เรื่องชีวิตประจำวันสำคัญกว่าหลับตาทำสมาธิ



การกำหนดรู้เรื่องชีวิตประจำวันนี่เป็นเหตุเป็นปัจจัยสำคัญ 
สำคัญยิ่งกว่าการนั่งหลับตาสมาธิ

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย 

รู้ลมหายใจ เป็นคุณความดีอเนกประการ



         ลมหายใจที่เป็นไปโดยธรรมดานั้น มีประโยชน์เพียงกันตายเท่านั้น ไม่ได้ทำให้บังเกิดคุณความดีอะไรขึ้นมาได้เลย ส่วนลมหายใจที่เราตั้งใจให้เป็นไปตามความรู้สึกของเรานั้น ย่อมทำให้คุณความดีได้เป็นอเนกประการ

                                                                                                          ท่านพ่อลี ธัมมธโร

เราหาพระพุทธเจ้าที่ใจเรา



ไม่ติดอดีต ไม่ติดอนาคต 
พยายามอยู่กับปัจจุบันให้มาก
เมื่อสำรวมกาย วาจา ใจ
เป็นหนึ่งเดียวได้
ก็เป็นศีล สมาธิ ปัญญา 
และนี่ก็เป็นความสุขของเรา 
ไม่ต้องไปหาพระพุทธเจ้าที่ไหนเลย 
เราหาพระพุทธเจ้าที่ใจเรา

หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ 

ผู้เห็น ไม่ใช่ผู้เป็น



         ความรู้สึกคือเวทนา ความคิดคือจิตตา และธรรมารมณ์หรืออารมณ์ต่างๆ คือ ธรรมานุปัสสนา หลุมพรางเหล่านี้มันเป็นหลุมพรางที่จิตเรามักจะเผลอ และก็ตกเข้าไปเรื่อยๆ พอเราตกเข้าไปปุ๊บ เราก็กลายเป็นผู้เป็น
         พระพุทธเจ้าสอนเราว่า ให้เราเป็นผู้เห็น เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม ท่านไม่ได้ให้เราไปเป็น ท่านบอกให้เราเห็น ดังนั้น เราจะเป็นผู้เห็น คือภาวะเราหลุดออกมา แล้วเป็นผู้ดู ผู้เห็นมัน แล้วอะไรที่จะเป็นตัวนำพาให้เราหลุดออกมา

        คือ สติสัมปชัญญะ

                                                                                          พระอาจารย์ครรชิต อกิญจโน

ถือเอาสุข คือถือเอาทุกข์ด้วย



        พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า สุข-ทุกข์เป็นของที่อยู่ด้วยกัน หากเราถือเอาสุข ก็ย่อมถือเอาความทุกข์ไว้ด้วย เมื่อไม่วางสุขก็เท่ากับไม่วางทุกข์นั่นเอง เหมือนเหรียญมีสองด้าน คือ ด้านหัวกับด้านก้อย ถือด้านใดด้านหนึ่ง ก็ถืออีกด้านเอาไว้ด้วย จะเอาแต่ด้านเดียวไม่ได้เลย การเห็นและเข้าใจสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริงตามกฎธรรมชาติ และวางใจให้เที่ยงธรรมไม่มีอคติในเรื่องต่างๆ จะช่วยรักษาใจให้พ้นทุกข์ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นทุกข์

                                                                                              พระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ

มันเป็นของเรา หรือเราเป็นของมัน



อะไรก็ตาม ที่เราคิดว่า มันเป็นของเรา
ในความเป็นจริงนั้น เรากลายเป็นของมัน

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

เมื่อใดไม่ยึดมั่น เมื่อนั้นไม่ทุกข์



คนที่ศึกษาตัวเองและรู้เท่าทันจิต 
เขาจะไม่ทุกข์กับความคิดตัวเอง 
คนที่ศึกษาธรรมะ จะทุกข์ทางเดียว
คือทุกข์ทางกาย 
แต่เมื่อใดที่เขาไม่ยึดมั่นถือมั่นทางกาย 
ก็เท่ากับว่า เขาไม่ทุกข์สักทางเลย

หลวงตาสุริยา วัดป่าโสมพนัส 
(ส.มหาปัญโญภิกขุ)

พิจารณากายให้เห็นชัดเจน จะเห็นธรรม



เรื่องการปฏิบัติธรรมของพวกเราก็เหมือนกัน 
ไม่ต้องสงสัยที่อื่น มาดูที่กายกับใจของพวกเรานี้
อันนี้แหละมันเป็นสิ่งปิดบังคุณธรรมไว้ 
ไม่ให้เราเห็นธรรม ก็เพราะกายของพวกเรานี้แหละ
ถ้าหากว่าใครพิจารณากายให้เห็นชัดเจน ...
คนนั้นจะเห็นธรรม เห็นสภาพความแปรปรวนของกาย 
เกิดก็เกิดจริง แก่ก็แก่จริง เจ็บก็เจ็บจริง 
ตายก็ตายจริง นี่เรียกว่าสัจธรรม เป็นของจริงทั้งนั้น 
ให้เรารู้จักสภาพความเป็นจริงอย่างนี้ อย่าไปหลงใหล

หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล

การภาวนาหมายถึงมีสติอยู่กับกายใจ


          การภาวนานี้มิใช่ท่านหมายเอาการเดินจงกรมตลอดวัน นั่งสมาธิตลอดคืน ความจริงแล้วท่านหมายเอาผู้ที่มีสติจดจ่ออยู่กายกับใจทุกอิริยาบถ ยิน เดิน นั่ง นอน เป็นประจำอยู่

                                                                                                     หลวงปู่คำดี ปภาโส

จิตของใครตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวดังภูเขา



จิตของใครตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวดังภูเขา 
ไม่กำหนัดในอารมณ์ อันชวนให้กำหนัด 
ไม่ขัดเคืองในอารมณ์อันชวนให้ขัดเคือง 
ผู้ใดอบรมจิตได้อย่างนี้ ทุกข์จะมาถึงผู้นั้นแต่ที่ไหน

กสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ ฐิตํ นานุปกมฺปติ
วิรตฺตํ รชนีเยสุ กุปฺปนีเย น กุปฺปติ
ยสฺเสวํ ภาวิตํ จิตฺตํ กุโต ตํ ทุกฺขเมสฺสนฺติ.


ขุ.เถร. ทุกนิบาต ข้อ ๒๙๓, มจร.ข้อ ๑๙๑

ศักดิ์ศรีที่ขึ้นกับผู้อื่น ทำใจไม่สงบ



ถ้าศักดิ์ศรีของเรา ขึ้นอยู่กับความมั่นใจว่า
เขารักเราจริง เขาเคารพเราจริง 
เขากลัวเราจริง 
อย่างนี้ไม่มีวันจะสงบได้ 
เราจะอ่อนไหวต่อการกระทำ
ของคนอื่นตลอดเวลา

พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ

จิตผู้เดียว รับสุขทุกข์



ร่างกาย เป็นผู้ไม่รับทุกข์รับสุขอะไรกับเราด้วยเลย 
ตัวจิตผู้เดียวเป็นผู้รับ 

ท่านพ่อลี ธัมมธโร 

ทำความรู้เท่า..เท่านั้นแหละ



เราตกเป็นทาสของกิเลสตัณหานี้ มานับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว 
เมื่อไหร่เล่าจะตื่นตัวกันสักที ไม่ควรจะอ้างโน่นอ้างนี่ 
บางคนก็อ้างว่าตนเจ็บป่วย ทำความเพียรไม่ไหว 
อ้าว เจ็บป่วยก็...มันเดินไม่ได้ ก็นอนภาวนาสิ 
มันนั่งไม่ได้ ก็นอนภาวนา ...
กำหนดพิจารณารู้ทุกข์ รู้เท่าทุกข์นะ 
ทำความรู้เท่า..เท่านั้นแหล

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

ปล่อยวางสมมุติ จะรู้จักวิมุติสุข




ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล ถ้าเอาจิตไปยึดไปเกาะ ถือเป็นสมมุติทั้งสิ้น 
ด้วยเหตุที่เกาะสมมุติเหล่านี้ จึงพากันเวียนว่ายตายเกิด
ในแดนสมมุติกันนับชาติไม่ถ้วน 
เพราะจิตยังมีความอยากของสมมุติเหล่านี้อยู่ 
หากปล่อยวางสมมุติเหล่านี้ได้เมื่อไหร่ ก็จะรู้จักกับแดนวิมุติสุข......
เป็นความสุขที่เที่ยงแท้และยั่งยืนโดยแท้จริง


หลวงปู่ทา จารุธมฺโม

ไม่มีดีใจ ไม่มีเสียใจ จึงใกล้นิพพาน



ไม่มีห่วง ไม่มีดีใจ ไม่มีเสียใจ ไม่มีพอใจ
ไม่มีหัวเราะ ไม่มีร้องไห้ ไม่มีบุญ ไม่มีบาป  
ไม่มีดี ไม่มีเลว จึงใกล้นิพพาน
ถ้ายังห่วงแสดงว่ายังไกลอยู่ 
ยังเก็บ ยังกอบ ยังกำ ยังโกยอยู่ 
แสดงว่ายังห่างอยู่มาก 

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

เมื่อเข้าใจ ใจก็ปล่อย



          การภาวนาก็คือการค้นคว้าทำให้แจ้งในสิ่งที่เราไม่แจ้งไม่ชัด... ที่ใจของเรายึดนั้นก็เพราะใจของเราไม่แจ้งชัดตามความเป็นจริง ใจของเราแจ้งชัดตามความเป็นจริงขณะใด ขณะนั้นใจของเราปล่อยวางเอง โดยไม่ต้องตั้งใจที่จะปล่อยวาง

                                                                                                         หลวงปู่แบน ธนากโร

ผู้ที่หลงใหลในฤทธิ์อภิญญา มีแต่กิเลสครอบงำทั้งนั้น




ผู้ที่หลงใหลในฤทธิ์อภิญญา
มีแต่กิเลสครอบงำทั้งนั้น 
แล้วทำไมยังหลงใหลกันอยู่ได้ 
ทำไมไม่เอาเวลามาดูใจของตัวเอง 
ฆ่ากิเลสในใจ ใช้ปัญญาฆ่ากิเลสในใจ 
ม่มีผู้ใดเอาฤทธิ์อภิญญา
มาฆ่ากิเลสได้หรอก 
ผู้ที่มุ่งภาวนาเอาแต่ฌาน 
อยากได้ฤทธิ์อภิญญา 
อยากได้ภาพนิมิต อยากได้ญาณพิเศษ
ล้วนเดินผิดทางทั้งนั้น

หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร วัดโคกปราสาท

ชีวิตของพวกเราเหมือนกับเมล็ดงา...



ชีวิตของพวกเราเหมือนกับเมล็ดงา
อยู่บนปลายเข็มที่แหลมๆ 
ไม่รู้จะตกวันไหน ที่มันอยู่มันก็อยู่ได้ 
แต่ที่มันจะลง มันจะลงเวลาไหน
ไม่มีใครรับประกันได้ 
ฉะนั้น อย่าประมาท 
ให้สั่งสมคุณงามความดี 
ให้ทาน รักษาศีล ภาวนาเอาไว้ 
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ให้ภาวนา”

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก

ดูจิต..เป็นวิปัสสนาญาณ




ถ้าใครดูจิตตัวเองได้
จนเห็นความโกรธ ความเกลียด 
ความรัก ความชัง ความอิจฉาริษยา 
เห็นตัวตน เห็นจิต 
ตัวนี้เป็นวิปัสสนาญาณ..

หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ

ยึดสิ่งน่าพอใจเหมือนจับหางงู




การไปยึดสิ่งที่น่าพอใจเอาไว้แน่น
ก็เหมือนการไปจับเอาหางงูเข้าไว้
ไม่ช้าก็เร็ว มันจะต้องกัดเราแน่นอน

หลวงปู่ชา สุภัทโท

สติเกิด กุศลเกิด




หายใจเข้า...รู้ครั้งหนึ่ง สติก็เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง
หายใจออก...รู้ครั้งหนึ่ง สติก็ได้ครั้งหนึ่ง
ก้าวไป...รู้ สติก็เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง
เย็นมากระทบ...ระลึกรู้ สติก็เกิด
ได้ยินปรากฏ...ระลึกรู้ สติก็เกิดขึ้นอีก
วันหนึ่งๆ เมื่อมีสติระลึกเกิดขึ้นๆ...
กุศลก็เกิดขึ้นด้วย…

พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี