การบำเพ็ญตบะในทางพระพุทธศาสนา


การบำเพ็ญตบะในทางพระพุทธศาสนาก็คือขันติ
เรานิยมแปลว่าความอดทน
แต่หมายถึง อาการที่จิตมีความคงที่ มั่นคง
ไม่หลงไปตามสิ่งปรุงแต่งต่างๆ
เป็นการอนุโลมคล้อยตามสัจธรรม คล้อยตามความจริง
ไม่หลงไปเที่ยวตะครุบอันหนึ่ง
ไม่หลงไปผลักไสอันหนึ่ง
เห็นมันเป็นอย่างนั้นของมันเอง
เป็นไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติ
ภาษาเราทุกวันนี้เรียกว่ายอมรับ
หรือยอมจำนนต่อธรรมชาติ
ไม่ได้ไปฝืน ไม่ได้ไปยินดี ไม่ได้ไปปฏิเสธ

อ.สุภีร์ ทุมทอง

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา



โง่จริงๆ เลย..ที่ต้องมาเกิด



ครั้งหนึ่ง ผมไปเห็นภพภูมิที่เกิดมา 
มองไปสุดตาทิพย์ ตาทิพย์ ยาวกว่าตานี้มากนะ 
สุดตาทิพย์แล้ว ยังมองไม่จบภพชาติที่เราเวียนเกิดจนถึงปัจจุบัน 
เราเป็นอะไรต่างๆ มาเยอะเลย...ผมเห็นแล้วน้ำตาไหล 
ไม่ใช่ไหลเพราะเกิดปีติ แต่เพราะเกิดความสมเพชตัวเอง 
เพราะสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏให้เราเห็นด้วย "ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ"
คือเครื่องประจานความโง่ของเรา โง่จริงๆ เลย..ที่ต้องมาเกิด
ภพแล้วภพเล่า เรียงเป็นลำดับ เหมือนเอาอะไรมาเรียงให้เราดู 
จนสุดตาทิพย์ยังดูไม่หมด นั่นคือชีวิตที่เราเกิดมา เป็นอย่างนั้นเอง

ดร.สนอง วรอุไร

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา


ผู้จดจำพระธรรมคำสอนได้มากมาย



ผู้จดจำพระธรรมคำสอนได้มากมาย
แต่มัวประมาทอยู่ ไม่นำธรรมเหล่านั้นไปปฏิบัติ
ย่อมไม่ได้รับผลอันใด จากธรรมนั้น
เหมือนคนเลี้ยงโค ได้แต่นับโคของผู้อื่น ฉันนั้น ( # ๑๙)
ส่วนผู้จดจำพระธรรมคำสอนได้ แม้นเพียงน้อย
แต่ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมเป็นปกติ
พากเพียร ละราคะ โทสะ โมหะ
ตื่นรู้อยู่เสมอ มีจิตหลุดพ้น
ไม่ยึดติดสิ่งใดๆ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
เขาย่อมได้รับผลอันยิ่ง แห่งธรรม ( # ๒๐)

จากหนังสือธรรมบาท โดยสวนธรรมะโพธิญาณ

ที่มา  : เพจบ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา