จริงๆ มรรคผลนิพพานไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ
นิพพานไม่เคยหายไปไหนสักวันเดียวเลย
นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตาเรามาแต่ไหนแต่ไร
ไม่ได้อยู่ไกลเลยนะ
อยู่ต่อหน้าต่อตานี่เอง แต่เราไม่เห็น
นิพพานคือความไม่ปรุงแต่ง
นิพพานมีชื่ออันหนึ่งว่า “วิสังขาร”
นิพพานมีชื่ออันหนึ่งว่า “วิราคะ”
ไม่มีความอยาก
ใจของเรามันมีความอยาก อยากปฏิบัติธรรม
อยากดี อยากโน่นอยากนี่ขึ้นมา
พอมันมีความอยากขึ้นมา มันก็ปรุง...
คอยควบคุมกายคอยควบคุมใจ
หาทางทำอย่างนั้นหาทางทำอย่างนี้
การที่พยายามทำอยู่นั่นแหละ
ทำให้ไม่เห็นนิพพาน...
ขันธ์ ๕ เค้าเป็นธรรมะที่ปรุงแต่ง
เรียก “สังขตธรรม”
เพราะฉะนั้นอย่างจิตเนี่ย
จิตอยู่ในขันธ์ ๕
จิตมีหน้าที่คิดนึกปรุงแต่ง
เราไม่ได้ฝึกให้มันไม่คิด
ไม่นึก ไม่ปรุง ไม่แต่ง
เมื่อขันธ์ ๕ เค้าทำงานแล้ว
อย่าหลงเข้าไปแทรกแซง
พวกเรานักปฏิบัติชอบแทรกแซงขันธ์ ๕
เช่น ร่างกายนี้มันจะหายใจ
เราก็ไปแทรกแซงการหายใจ
ไปเปลี่ยนจังหวะการหายใจ...
เคยยืน เคยเดิน เคยนั่ง
เคยนอน ท่านั้นท่านี้
เราก็เริ่มไปจำกัดมัน...
วิปัสสนานี่เราจะให้ขันธ์ทำงานไป
โดยเราไม่เข้าไปแทรกแซงขันธ์
เห็นขันธ์ไปตามความเป็นจริง...
ภาวะแห่งการสักว่ารู้สักว่าเห็นก็จะเกิดขึ้น
ใจจะไม่ดิ้นรน
เมื่อใจไม่ดิ้นรน ถึงจุดหนึ่ง
ใจจะเห็นธรรมะที่ไม่ดิ้นรน
ธรรมะที่ไม่มีความอยาก
ธรรมะที่ไม่ดิ้นรน คือ
“วิราคะ” กับ “วิสังขาร”
หรือ “นิพพาน” นั่นเอง
เพราะฉะนั้นไม่มีใคร
กีดกั้นเราไว้จากนิพพานเลย
ไม่มีใครกีดกั้นเราจากมรรคผล
เรากีดกั้นตัวเองด้วยความอยาก
จะได้มรรคผลนิพพานนั่นแหละ
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ภาพ Pinterest
ที่มา : เพจมนษิธาร Monsitharn
30 ก.ค..68

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น