ความปรุงแต่งเป็นตัวร้ายกาจ


ความปรุงแต่งเป็นตัวร้ายกาจ
ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น
ลิ้นกระทบรส กายกระทบสัมผัส
ตรงที่กระทบตรงนั้นไม่มีบุญไม่มีบาป เฉยๆ
มาเกิดกุศลอกุศลก็เกิดที่จิต
ตัวที่จะทำให้เราทุกข์
เลยไม่ใช่แค่ตามองเห็น หูได้ยิน
.
ตัวที่ทำให้เราทุกข์ก็คือตัวจิตนั้นมันปรุง
ปรุงแบบนี้มีความทุกข์ ปรุงแบบนี้มีความสุข
ปรุงอย่างนี้เป็นกุศล ปรุงอย่างนี้เป็นอกุศล
ปรุงแต่งทั้งวัน
.
ความปรุงแต่งนี้เป็นตัวร้ายกาจ
ลึกลงไปถึงที่สุดรากเหง้าของความปรุงแต่ง
ก็คือตัวอวิชชา
เราไม่รู้ความจริงของธาตุของขันธ์
เราเลยเกิดความเกิดขึ้นมา มีชีวิตขึ้นมา
มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจขึ้นมา
.
ทีนี้มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
แล้วไปกระทบอารมณ์อีก
จะห้ามการกระทบอารมณ์ห้ามไม่ได้
มีตาก็ต้องเห็นรูป มีหูก็ต้องได้ยินเสียง
มีจมูกก็ต้องได้กลิ่น มีลิ้นก็ต้องรู้รส
มีใจกระทบธรรมารมณ์ทั้งหลาย
โดยเฉพาะเรื่องราวที่ใจเราคิดขึ้นมา
เราห้ามไม่ได้
.
แต่พอมันกระทบอารมณ์แล้ว
ถ้าสติเราว่องไวพอ
ก็จบตรงที่การกระทบอารมณ์ ไม่ปรุงต่อ
ถ้าสติเราไม่ไวพอ ก็จะเกิดความปรุงแต่งต่อ
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
15 ตุลาคม 2566
ภาพ The Bridge towards Awareness

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

7 พ.ย.68 


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น