จิตสุดท้ายก่อนตาย


พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 Admin มีโอกาสได้เดินทางไปกราบพระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ฐิตธัมโม มีข้อธรรมสำคัญที่ขอนำมาฝากแฟนเพจผู้ปรารถนาก้าวพ้นจากสังสารวัฏทุกท่านดังนี้ค่ะ
🙏🙏🙏
พระอาจารย์ท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่านเคยอาพาธเป็นฝีในลำไส้ อุณหภูมิร่างกายสูงถึง 42 องศา ถึงตอนนั้นท่านก็สลบไป..ในขณะที่สลบนั้น ท่านเห็นภาพต่างๆ ปรากฏขึ้นมาต่อๆ กันมากมาย..(อันเป็นสภาวะของจิตเมื่อใกล้ตาย)
.
Admin ต้องขอเท้าความนิดหนึ่ง เรื่องของจิตก่อนตายหรือจิตสุดท้ายที่ต้องเห็นภาพต่างๆ โดยเฉพาะภาพในอดีตของชีวิตเราเองมาร้อยเรียงต่อกัน มีผู้เล่าประสบการณ์ให้ได้ทราบหลายท่าน หนึ่งนั้นคือพระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตโต อีกท่านคือคุณหมอธีรวัฒน์ เหมะจุฑา (อ่านได้ที่นี่ https://www.facebook.com/share/17CAQM1hmi/)
.
ภาพชีวิตเราที่มาร้อยเรียงต่อกันให้เห็นนี้สำคัญอย่างไร สำคัญตรงที่ว่า จะนำพาเราไปเกิดในภพต่างๆ ตามแต่จิตขณะนั้น เช่น หากเราเห็นภาพใดภาพหนึ่งหรือหลายภาพแล้วเกิดปิติในกุศลที่ทำ เราก็จะเกิดในภพที่ดี แต่หากเห็นภาพแล้วเกิดอารมณ์โกรธ เศร้าหมอง จิตก็จะพาไปเกิดในทุคติภพ
.
(ดังนั้น ครูบาอาจารย์ท่านจึงสอนให้เราหมั่นทำกุศลจนจิตเคยชิน เพื่อให้กุศลนำทางเราไปเกิดในภพที่ดียามหมดลมหายใจ...แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราไม่ต้องมาเกิดในภพใดอีกเลย ซึ่งเป็นความสุขอันแท้จริงและถาวร)
.
ย้อนกลับมาที่พระอาจารย์ปกรณ์นันทน์ ในขณะที่ภาพต่างๆ ผุดขึ้นนั้น ท่านพบว่า การฝึกสติหรือการปฏิบัติใดๆ ที่ท่านกระทำมามากมาย มิอาจช่วยอะไรได้เลย เพราะสิ่งที่เกิดนั้น เราควบคุมอะไรมิได้สักอย่าง...
.
ท่านพบว่า สิ่งที่จะนำพาเรารอดจากการเกิดตายได้ ก็คือ การเห็นตามความเป็นจริงว่า ในชีวิตนี้ ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเราเลยสักอย่าง แม้แต่ร่างกายเราหรืออารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดก็ตาม ซึ่งมันต้องเข้าใจตั้งแต่ยังมีชีวิต เมื่อเห็นตามจริงอย่างนี้ได้ มันจะเกิด "อนิจจสัญญา" ในตัวเอง จิตจะไม่เกาะเกี่ยวภาพต่างๆ ที่เห็น แดนเกิดอีกจึงไม่มีอีกต่อไป
.
เรื่องไม่มีเรา ของเรานั้น คนทั่วไปอาจจะเถียงว่า ไม่มีของเราได้ยังไง ก็นั่นไงล่ะ บ้านของฉัน รถของฉัน เงินฉันซื้อมาทั้งนั้น แล้วมันจะไม่เป็นของฉันได้ยังไง...เบื้องต้น Admin ก็จะขอให้ท่านพิจารณาตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อน สิ่งใดที่เป็นของท่าน แม้แต่ร่างกายท่านเอง ท่านบังคับให้มันเป็นไปดังใจ ให้มันอยู่ตลอดไป ไม่เสื่อมสลายได้ไหม ร่างกายท่าน ท่านบังคับให้มันไม่แก่ เจ็บ ตาย ได้ไหม (รวมถึงอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดด้วย)
.
คำตอบคือ..ไม่ได้...สิ่งใดที่เราบังคับบัญชาไม่ได้นั่นแหละ มันไม่ใช่ "ของเรา" ในความหมายทางธรรม ท่านต้องเข้าใจและยอมรับความจริงนี้ให้ได้ก่อน...ส่วนร่างกายท่าน ทรัพย์สินท่าน มันก็ยังเป็นของท่านต่อไปตามแบบโลกและตามกฎหมาย
.
สุดท้าย เพื่อไม่ให้ข้อเขียนนี้ยาวจนเกินไป Admin ขอฝากไว้ว่า เราปฏิบัติมาทั้งชีวิตก็เพื่อไม่ปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามยถากรรม เพื่อให้จิตผ่านข้อสอบสุดท้ายนี้ไปให้ได้ ก็ขอให้ทุกท่านได้มีความเข้าใจและเดินในทางที่พาตนพ้นทุกข์ได้ทุกท่านด้วยเทอญ...
Admin

💙💙💙💙💙

แจกหนังสือธรรมะชื่อ “นานาทัศนะ...รมณียธรรม” รวบรวมเนื้อหาคำสอนจากเพจมนษิธารและเว็บโอวาทธรรม พระอริยเจ้านี้ (มีแต่ e-book นะคะ)
ดูรายละเอียดได้ที่นี่ http://owatdhamma.blogspot.com/2024/12/e-book.html
สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ https://drive.google.com/.../1x0Zx-jZGM5ITucYwZz.../view...
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ Admin เว็บโอวาทธรรม พระอริยเจ้า

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

1 พ.ย.68 


 

ก็ไม่ได้แปลว่าความคิดเป็นของเธอ


แม้รู้ได้ถึงเสียงระฆัง
ก็ไม่ได้หมายความว่าระฆังเป็นของเธอ
เช่นเดียวกัน รู้ได้ถึงความคิด
ก็ไม่ได้แปลว่าความคิดเป็นของเธอ
ท่านหวู ซิน
Being aware of the sound of the bell. ...Does not mean that bell belongs to you.
Likewise being aware of thoughts,...Does not mean the thoughts belong to you.
Wu Hsin
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

19 พ.ย.68 


 

เมื่อเธอเป็นอิสระจากโลก


เธอจะมีความสุขในโลก
เมื่อเธอเป็นอิสระจากโลกเท่านั้น
You can be happy in the world only when you are free of it.
Nisargadatta Maharaj

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

19 พ.ย.68 


 

ก็คือ วางใจเป็นกลาง


การวางใจที่ถูกต้องเป็นอย่างไร?
ก็คือ วางใจเป็นกลาง
ไม่ยินดียินร้ายในสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ยอมรับในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น
การที่จะเกิดการยอมรับในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น
จนไม่เกิดการติดข้องยินดียินร้ายได้นั้น
ก็มาจากการที่เรามีความเข้าใจที่ถูกต้องนั่นเอง
เข้าใจเรื่องกฎของกรรม
เรื่องเหตุปัจจัย มีเหตุเกิดมันก็เกิด
หมดเหตุ หมดปัจจัย มันก็ดับ
ก็รักษาใจให้ตั้งมั่น มีสติรู้ตัวอยู่
เรียนรู้ยอมรับทุกสรรพสิ่ง ก็เป็นเช่นนั้นเอง
.
มูลนิธิเดินจิต
พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

19 พ.ย.68 

 

เมื่อใดมีการยึดติด


เมื่อใดมีการยึดติด
เมื่อนั้นก็มีกรรม
ที่ใดไม่มีการยึดติด
ที่นั้นกรรมย่อมสิ้นสุด
ท่านนาคารชุน
มูลมาธยมกะการิกา
When there is grasping, there is karma;
where there is no grasping, karma ceases.
Nagarjuna
Mulamadhyamakakarika
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

19 พ.ย.68 


 

เราจะเป็นชาวพุทธที่ดีได้อย่างไร


ถาม เราจะเป็นชาวพุทธที่ดีได้อย่างไร
อาจารย์เซน แด ควาง ซูนิม:
ทุกคนอยากรู้ว่า
“จะเป็นชาวพุทธที่ดีได้อย่างไร”
วิธีที่ดีที่สุดในการเป็นชาวพุทธที่ดี
คือไม่ต้องเป็นชาวพุทธ
ในวัชรปรัชญาปารมิตาสูตร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“เราไม่มีคำสอนใดจะให้”
ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“ถ้าท่านพูดว่าเรามีคำสอนใดจะให้
ท่านก็สอนตรงกันข้ามกับเรา”
สิ่งสำคัญยิ่งกว่าพุทธศาสนา หรือเซน
หรืออะไรก็ตาม คือการตื่นรู้
พระพุทธเจ้าไม่ใช่ชาวพุทธ
พระองค์ทรงเป็นผู้ “ตื่นรู้”
และสิ่งที่พระองค์ทรงตื่นรู้นั้น
เป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่แล้ว
ความเป็นพุทธศาสนาจะไม่ช่วยคุณ
แต่การตื่นรู้จะช่วยคนทั้งโลก

Question: How do you become a good Buddhist?
---
Zen Master Dae Kwang Sunim: Everybody wants to know that,
“how to become a good Buddhist.”
The best way to become a good Buddhist is not to become a Buddhist.
In the Diamond Sutra the Buddha says, “I have no teaching to give.”
Actually, the Buddha said that, “If you say
I have a teaching to give, you teach against me."
More important than Buddhism, or Zen, or anything, is waking up.
The Buddha was not a Buddhist. He was a “wake up” person
and what he woke up to is something everybody already has.
Buddhism is not going to help you.
But waking up is going to help the whole world.
Milan Kunaj ในเพจ Living Zen

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

19 พ.ย.68 


 

ให้จิตอยู่กับอารมณ์สุญญตา


...จิตไม่ให้ยึดถืออะไร
ไม่มีอารมณ์ต่างๆ เข้ามารบกวน
อย่าเอาอารมณ์อะไรทั้งหมด
ให้จิตอยู่กับอารมณ์สุญญตา
อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านอยู่
กับอารมณ์สุญญตวิหาร
ไม่เอาอะไรมาเป็นอารมณ์
จิตว่างจากอารมณ์นั่นเอง
การระวังไม่ให้มีอารมณ์ ก็ต้องมีสติ
ระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เมื่ออายตนะเหล่านี้ทำหน้าที่แล้วก็แล้วกัน
ไม่ต้องไปมีอารมณ์ใดๆ เกิดตามมา
ไม่ใช่เดี๋ยวมีเข้าเดี๋ยวไม่มีออก
เดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออก เหมือนคนคบกัน
ไม่มีความแน่นอน เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ต้องเลือกให้ดีๆ
สิ่งที่แน่นอนคือความไม่แน่นอน
สู้ไม่เอาอะไรดีกว่า
ไม่เอาคน ไม่เอาวัตถุ
ไม่เอาทั้งความรู้สึกที่เป็นตัวกูของกู
ให้มันว่างเอาไว้นั่นแหละเป็นการดีที่สุด...
บางตอนจากหนังสือ “ไม่ใช่กู”
หลวงพ่อเอี้ยน วิโนทโก
สำนักวิปัสสนาวังสันติบรรพต จ.พัทลุง
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

16 พ.ย.68 


 

หมดตัวตน หมดปัญหา


หมดตัวตน หมดปัญหา
เมื่อภาพลวงตาของตัว 'ฉัน'
ถูกมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง
การค้นหาทั้งหมดก็สลายลง
สู่ความแจ่มชัดอย่างเงียบๆ
พระอาจารย์ซึงซัน

No self, no problem
When the illusion of 'me' is seen through,
all seeking collapses into silent clarity.
Seung Sahn
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

16 พ.ย.68 

 

เมื่อเห็นตามจริงแล้ว


เมื่อเห็นตามจริงแล้วว่า
สิ่งทั้งผองทั้งที่เป็นผู้รู้ และทั้งสิ่งที่ถูกรู้
เป็นเพียงบางสิ่ง
ที่เรียกตัดสั้นมาแล้วว่า รูปนาม
เห็นตามจริง คือเห็นว่ามันเป็นตัวทุกข์
เมื่อนั้นกระแสของตัณหาที่มักส่งออกไป
ด้วยความไม่รู้ ส่งไปให้ค่ายึดถือนั้น
เป็นต้องดับลงไป
เมื่อเห็นตามจริงแล้ว
ว่าสิ่งนั้นเกิดและ ดับ
ไม่ใช่สิ่งที่เป็น (เรา) ที่จะคงทนถาวร
เมื่อนั้นจึงเกิดกระบวนการที่ว่า
จาโคปฏินิสสัคโค คือสลัดสิ่งนั้นทิ้ง
เมื่อนั้นธรรมอันเป็นอมตะที่มีอยู่แล้ว
จึงประจักษ์ชัดในขณะนั้นทีเดียว

พระอาจารย์เจษฎา คุตฺตจิตฺโต
ภาพ Pinterest

ที่มา  เพจมนษิธาร  Monsitharn

        (บ้านจตุรทวีปประทาน เพื่องานพระศาสนา เดิม)

16 พ.ย.68